แม้นยุคสมัยนี้จะมีอินเตอร์เน็ตที่สามารถค้นหาโลกได้อย่างกว้างขวางและสะดวกสบาย แต่สำหรับผมการได้อ่านหนังสือที่ทำจากกระดาษมันให้ความรู้สึกที่ดีกว่าเสมอ
แต่ก็นั่นล่ะครับนี่มันยุคของโลกออนไลน์โลกที่หนังสือกระดาษมีลมหายใจที่แผ่วเบาเหมือนคนที่อยู่ในอาการโคม่าเต็มทนแล้ว โลกกำลังเปลี่ยนไป ความนิยมในการอ่านหนังสือเล่มที่ทำจากกระดาษเริ่มค่อยๆเสื่อมมนต์ขลังลง ในหลายประเทศที่มีนักอ่านจำนวนมากและรวมถึงประเทศไทยเองที่มีนักอ่าน(จำนวนน้อย)ต่างก็ได้รับผลกระทบนี้ด้วยเช่นกันเพราะบริษัทผู้ผลิตหนังสือและนิตยสารพากันทยอยปิดเล่มหรือไม่ก็ลดจำนวนผลิตลงแม้นวงการหนังสือการ์ตูนตลกของไทยที่มีขายหัวเราะเป็นเจ้าตลาดด้วยยอดขายหลายแสนเล่มต่อสัปดาห์ล่าสุดก็มีการลดการผลิตจากรายสัปดาห์มาเหลือเพียงรายปักษ์ และการ์ตูนมหาสนุกก็จะลดลงมาเหลือเพียงเดือนละเล่ม แสดงให้เห็นถึงความเหนื่อยล้าของผู้ประกอบการสิ่งพิมพ์ในยุคนี้
สาเหตุเพราะ"เพราะคนหันไปอ่าน eBook"
หลายคนที่เคยคุยกับผมเรื่องของ eBook ว่ามันจะมาแทนที่หนังสือกระดาษแต่สำหรับผมคิดว่ายังไม่ใช่เวลาของมัน แม้น eBook ดูน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะมาแทนสิ่งพิมพ์แต่ในความจริงมันไม่ใช่ทั้งหมดเพราะโดยพฤติกรรมคนไทยนั้นไม่ชอบอ่านหนังสือ ส่วนไอ้ที่ออกมาพูดๆโหนกระแสเวลาหนังสือปิดเล่มให้รัฐบาลช่วย ถามกันแบบตรงๆตื่นเช้ามาหยิบหนังสืออ่านหรือเปิดมือถือเข้าโลกออนไลน์ก่อน ถ้าไม่ตอแหลกันนะแทบจะร้อยเปอร์เซ็นหยิบมือถือมาเปิดก่อนทั้งนั้นอาทิตย์หนึ่งใช้เวลาเข้าร้านหนังสืออ่านหนังสือน้อยกว่าแชตออนไลน์ ซื้อหนังสือน้อยกว่าจ่ายแค่เน็ตมือถือในแต่ละเดือนซะอีก
โดยส่วนตัวผมพอจะสรุปที่วงการสื่อสิ่งพิมพ์ได้รับผลกระทบนั้นมาจากหลายสาเหตุ อย่างประเด็นแรกคือต้นทุนค่าดำเนินการที่สูงขึ้น การเติบโตของเวบไซด์จากสื่อโซเชี่ยลมีเดียที่เพิ่มมากขึ้นและเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของผู้คนสปอนเซอร์โฆษณาเริ่มหันไปใช้สื่อออนไลน์ในการทำการตลาดสินค้าเพราะต้นทุนต่ำกว่าและสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน นอกจากนั้นโลกออนไลน์ทำให้ทุกคนสามารถมีพื้นที่สื่อของตัวเองได้ซึ่งหากได้รับความนิยมจากผู้คนในโลกออนไลน์ก็จะกลายเป็นจุดที่แย่งชิงฐานลูกค้าจากมือของสื่อหลัก และส่วนสุดท้ายที่ผมมองว่าหนักหนาสาหัสที่สุดนั่นก็คือค่านิยมในการละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่เคารพกฏหมายและชอบของฟรี!!!
เพราะมีหลายสื่อไม่ว่าจะสิ่งพิมพ์หรือแม้นแต่วงการภาพยนต์ วงการดนตรีล้วนได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมเหล่านี้ แน่นอนคนพวกนี้ก็มักจะพูดว่าเพราะการซื้อนั้นมันราคาแพงเกินไป หนังสือเล่มหนึ่งราคาหลายบาท ซีดีเพลง หนัง ก็มีราคาที่แพงเกินรับไหว จะซื้อทำไมเมื่อมีเรื่องสนใจให้อ่านแค่เรื่องเดียว มีเพลงที่ชอบฟังแค่เพลงเดียว หนังลิขสิทธิ์มันแพงเกินความคุ้มค่าไปขโมยใช้ฟรีดีกว่า เรื่องต้นทุนภาระความเสี่ยงในการตลาดค่าบริหารต่างๆของผู้ผลิตไม่สนใจเพราะพฤติกรรมแบบนี้ล่ะครับที่ทำให้ผู้ผลิตสื่อต้องม้วนเสื่อปิดตัวหนีเจ๊งกัน
Bufftoon
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น