นานๆครั้งผมจะมีโอกาสไปเที่ยวแบบคนอื่นเพราะต้องทำงานหาเงินแต่เมื่อมีโอกาสผมก็พยายามหาโอกาสไปเที่ยวพักผ่อน ซึ่งอากาศร้อนๆแบบนี้ผมเลยนึกถึงบรรยากาศของทะเล พอมีโอกาสเลยตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าใส่เป้ไปเที่ยวทะเลสัตหีบใกล้เมืองกรุง
ก่อนเดินทางผมไม่ได้ติดต่อจองห้องพักแต่จะไปหาที่พักเอาข้างหน้าซึ่งก็ไม่น่าห่วงเพราะผมไม่ได้เที่ยวช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาวที่พักจึงค่อนข้างว่างและโดยส่วนตัวผมมันเป็นพวกภูมิแพ้คนเยอะๆ(ฮา)
"สถานที่พักของผมขับรถขึ้นเขาเล็กน้อย" |
เมื่อคืนหลังจากที่ผมได้นอนพักหลับสนิทไปเรียบร้อยตื่นแต่เช้ามาผมก็ออกไปซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้ง โจ๊กและปาท่องโก๋จากตลาดใกล้ๆที่พักหลังจากได้เสบียงมื้อเช้าครบถ้วนผมก็กลับมานั่งจิบกาแฟชิลล์ๆ ระหว่าที่นั่งจิบกาแฟอยู่นั้นก็มีเพื่อนร่วมโลกสี่ขามานั่งทำหน้าอมยิ้มประจบอยู่ข้างๆประมาณว่า"เฮ้!!เพื่อน นายกินอะไรอยู่แบ่งฉันบ้าง(ฮา)" หลังจากแบ่งปันอาหารที่มีกับเพื่อนร่วมโลกและนั่งเล่นสบายๆอยู่จนสายๆผมก็เช็คเอ๊าท์ออกจากที่พักเพื่อขับรถไปชมอ่างเก็บน้ำภูติอนัตน์ซึ่งอยู่ห่างจากที่ผมพักไปเพียง10นาที ที่อ่างเก็บน้ำภูติอนัตน์บรรยากาศดีครับใกล้ๆกันเป็นสนานกอล์ฟ ซึ่งมีคนมาเล่นกอล์ฟอยู่พอสมควรทำให้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมทางเข้าที่เป็นเส้นทางบ้านๆห่างทะเลสัตหีบถึงได้มีที่พักมากนักนั่นเป็นเพราะบริเวณนี้อยู่ใกล้สนามกอล์ฟผู้ที่จะมาออกรอบเล่นกอลฟ์ที่สนามกลอฟ์ภูติอนัตน์ก็คงสะดวกสบายขึ้น
บรรยากาศอ่างเก็บน้ำภูติอนัตน์ |
บรรยากาศเส้นทางที่ผมขับรถหลง |
หลังจากเดินเล่นชมบรรยากาศอ่างเก็บน้ำอยู่สักพักผมก็ขับรถต่อไปที่เขาชีจรรย์ สถานที่ซึ่งมีรูปแก่ะสลักพระพุทธรูปด้วยเลเซอร์บนภูเขาที่ใหญ่ที่สุดของไทยโดยขับรถอ้อมไปทางอ่างเก็บน้ำภูติอนัตน์ตามคำแนะนำของพนักงานรีสอร์ทเพราะไม่ต้องย้อนเข้าเมืองผ่านถนนใหญ่แต่ระหว่างทางที่ขับไปผมก็ดันหลงทางซะงั้นเพราะเมื่อถึงทางแยกที่จะเลี้ยวขวาเพื่อไปบริเวณลานพระพุทธรูปแก่ะสลักผมดันขับตรงขึ้นเขาไปเรื่อยสรุปง่ายๆคือหลงทางนั่นล่ะครับ(ฮา) เส้นทางที่ผมหลงนั้นเป็นเส้นทางขึ้นเขาชีจรรย์จะเป็นถนนเลนเดี่ยวพอให้รถสองคันสวนกันได้แบบเบียดๆเส้นทางคดเคี้ยวไปตามแนวเขาและล้อมรอบไปด้วยต้นไม้สูงทำให้บรรยากาศวังเวงพิกล แต่เฮ้ย!!!ผมชอบๆฟิลแบบนี้ ก็เลยขับขึ้นเขาไปเรื่อย(ฮา)
บรรยากาศบนเขาชีจรรย์ที่ผมขับรถหลงขึ้นไปแต่ก็ถือว่าคุ้ม |
มัวแต่เพลิดเพลินกับบรรยากาศของเขาชีจรรย์อยู่นานผมก็กลับรถเพื่อไปยังบริเวณพระพุทธรูปแก่ะสลักซึ่งกว่าจะย้อนลงมาถึงก็บ่ายแก่แดดจ้าและร้อนพอสมควร ในบริเวณพระพุทธรูปแก่ะสลักเขาชีจรรย์นั้นโดยรอบติดกับไร่องุ่น "ซิลเวอร์เลค"(Silver lake) ดังนั้นถ้าใครจะมาเที่ยวบริเวณนี้ก็จะมีสถานที่ท่องเที่ยวให้แวะชมและเสียเงินอยู่มากพอสมควรแต่ที่ซิลเวอร์เลคไม่ใช้เป้าหมายของผมในวันนี้ก็เลยผ่านก่อนครับไม่แวะเข้าชม(ฮา)
สำหรับพระพุทธรูปแก่ะสลักบนเขาชีจรรย์ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1/4 ตารางกิโลเมตร มีลักษณะสูงชันมากยอดเขาสูงที่สุดมี ความสูง 248 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 180 เมตรจากระดับพื้นดิน เขาชีจรรย์เป็นหินเนื้อปูนประกอบด้วยหินอ่อนแคลก์ซิลิเกต, รูปเลนส์, ขนาบด้วยหินฟิลไลต์, หินฉนวน, และหินเมต้าเชิร์ต สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหา สังฆปริณายก เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งเป็น สมเด็จพระญาณสังวร เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งทรงเสียดายเขาชีจรรย์ที่มีภูมิทัศน์ยิ่งใหญ่สง่างามตามธรรมชาติ แต่กำลังถูกระเบิดทำลายทุกวัน จึงทรงดำริที่จะอนุรักษ์เขาชีจรรย์ให้คงชื่ออยู่คู่กับเขาชีโอนซึ่งมีส่วนหนึ่งอยู่ในเขตสังฆาวาสของวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ด้วยการสร้างพระพุทธรูปแกะสลัก บนหน้าผาเขาชีจรรย์ ให้เป็นปูชนียสถาน
สำคัญทางพระพุทธศาสนาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2527 ถึงพุทธศักราช 2533 คณะกรรมการกำหนดรูปแบบพระพุทธรูปแกะสลักหินหน้าผาเขาชีจรรย์ ซึ่งตั้งโดยคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้กำหนดข้อยุติสร้างพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งปางมารวิชัยเลียนแบบพระพุทธนวราชบพิตรศิลปะสุโขทัยผสมล้านนา ขนาดความสูง 109 เมตรหน้าตักกว้าง 70 เมตรฐานบัวหรือบัวบัลลังค์สูง 21 เมตรรวมความสูงขององค์พระและบัลลังค์ทั้งสิ้น 130 เมตรเป็นแบบนูนต่ำ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตพระราชทานนามพระพุทธรูปว่า " พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา " มีความหมายว่า " พระพุทธเจ้าทรงเป็นศาสดาที่รุ่งเรื่องสว่างประเสริฐ ดุจดังมหาวชิระ "
สำหรับพระพุทธรูปแก่ะสลักบนเขาชีจรรย์ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1/4 ตารางกิโลเมตร มีลักษณะสูงชันมากยอดเขาสูงที่สุดมี ความสูง 248 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 180 เมตรจากระดับพื้นดิน เขาชีจรรย์เป็นหินเนื้อปูนประกอบด้วยหินอ่อนแคลก์ซิลิเกต, รูปเลนส์, ขนาบด้วยหินฟิลไลต์, หินฉนวน, และหินเมต้าเชิร์ต สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหา สังฆปริณายก เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งเป็น สมเด็จพระญาณสังวร เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งทรงเสียดายเขาชีจรรย์ที่มีภูมิทัศน์ยิ่งใหญ่สง่างามตามธรรมชาติ แต่กำลังถูกระเบิดทำลายทุกวัน จึงทรงดำริที่จะอนุรักษ์เขาชีจรรย์ให้คงชื่ออยู่คู่กับเขาชีโอนซึ่งมีส่วนหนึ่งอยู่ในเขตสังฆาวาสของวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ด้วยการสร้างพระพุทธรูปแกะสลัก บนหน้าผาเขาชีจรรย์ ให้เป็นปูชนียสถาน
สำคัญทางพระพุทธศาสนาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2527 ถึงพุทธศักราช 2533 คณะกรรมการกำหนดรูปแบบพระพุทธรูปแกะสลักหินหน้าผาเขาชีจรรย์ ซึ่งตั้งโดยคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้กำหนดข้อยุติสร้างพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งปางมารวิชัยเลียนแบบพระพุทธนวราชบพิตรศิลปะสุโขทัยผสมล้านนา ขนาดความสูง 109 เมตรหน้าตักกว้าง 70 เมตรฐานบัวหรือบัวบัลลังค์สูง 21 เมตรรวมความสูงขององค์พระและบัลลังค์ทั้งสิ้น 130 เมตรเป็นแบบนูนต่ำ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตพระราชทานนามพระพุทธรูปว่า " พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา " มีความหมายว่า " พระพุทธเจ้าทรงเป็นศาสดาที่รุ่งเรื่องสว่างประเสริฐ ดุจดังมหาวชิระ "
บรรยากาศร้านค้าในเขาชีจรรย์ |
ที่นี่มีทัวร์จีนเยอะแทบทุกร้านจะมีป้ายภาษาจีน |
buffToon
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น